ข้อมูลทั่วไป

ข้อมูลทั่วไป

วันที่นำเข้าข้อมูล 29 ก.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 20 ส.ค. 2568

| 3,097 view

เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารโลกได้เผยแพร่รายงาน Myanmar Economic Monitor June 2025 Economic Aftershocks สรุปว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซ้ำเติมสภาพ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของเมียนมา โดยส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ ปัญหาไฟดับ และอัตราเงินเฟ้อ โดยธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 14 ของ GDP เมียนมา) สรุปสาระสำคัญของผลกระทบดังกล่าว และประเด็นอื่น ๆ ดังนี้

    1. ผลผลิตทางการเกษตรลดลง เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ระบบชลประทานและอาคารจัดเก็บสินค้าได้รับความเสียหาย และส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ สถานการณ์การสู้รบซึ่งทำให้มี พื้นที่ ในการทำการเกษตรลดลง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศล้วนส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร โดยผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญที่ลดลงในปี งปม. 67/68 เมื่อเทียบกับปี งบประมาณ ก่อนหน้า อาทิ ข้าว (ลดลงเหลือ 16.3 ล้านตันจาก 17.2 ล้านตัน) และข้าวโพด (ลดลงเหลือ 2.85 ล้านตันจาก 3.1 ล้านตัน) อย่างไรก็ดี แม้ผลผลิตทางการเกษตรจะลดลง แต่ เมียนมา ได้ส่งออกสินค้าเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะข้าว ซึ่งเมียนมาส่งออกมากขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับปี งบประมาณ ก่อนหน้า โดยการหยุดชะงักของการขนส่งทำให้ข้าวมีราคาสูงขึ้น ทำให้ชาว เมียนมาบริโภคข้าวลดลง และเหลือข้าวสำหรับส่งออกมากขึ้น

    2. ปัญหาไฟดับ ในเดือนมกราคม 2568 เมียนมาสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,700 เมกะวัตต์/วัน ซึ่งต่ำกว่าความต้องการพลังไฟฟ้าที่ 4,400 เมกะวัตต์/วัน โดยในช่วงที่ผ่านมา เมียนมาผลิตไฟฟ้าได้ลดลง เนื่องจากกำลังการผลิตก๊าซลดลง โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำมีสภาพเก่า สถานการณ์การสู้รบและภัยธรรมชาติที่ส่งผลต่อระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า การขาดแคลนชิ้นส่วนอุปกรณ์โรงไฟฟ้า และการลดลงของงบประมาณในการรักษาและการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า

    3. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ของปีงบประมาณ 2567/2568 อยู่ที่ร้อยละ 34.1 สูงขึ้นจากร้อยละ 24.7 ของปี งบประมาณก่อนหน้าเนื่องจากห่วงโซ่อุปทานได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ นโยบายควบคุมการนำเข้า การขาดแคลนสินค้าใน พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และ ค่าใช้จ่าย ในการขนส่งสินค้าที่แพงขึ้น โดยราคาสินค้าอาหารสูงขึ้นกว่าร้อยละ 29.5 ในขณะที่ราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารสูงขึ้นจากร้อยละ 21.6 ไปถึงร้อยละ 36.4

    4. ประเด็นอื่น ๆ ที่สำคัญ

         4.1 ระหว่าง เดือนตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568 เมียนมา ได้ดุลการค้าร้อยละ ของ GDP เนื่องจากการบังคับใช้นโยบายควบคุมการนำเข้าและส่งเสริมการส่งออก (export first) โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และการหยุดชะงักของการนำเข้าสินค้าทางชายแดนเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ ทำให้การนำเข้าสินค้าในช่วงดังกล่าวลดลงร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

       4.2 ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2567 เงินจั๊ตมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากการจำกัดการนำเข้า การส่งเสริมการส่งออก นโยบายควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินที่เป็นสกุลเงินต่างชาติอย่างเข้มข้น การจับกุมร้านแลกเงินอัตราเรทตลาด และการขายเงินสกุลต่างชาติของธนาคารกลางเมียนมาอย่างต่อเนื่อง

       4.3 ธนาคารโลกคาดการณ์ ดังนี้

             (1) ในปีงบประมาณ 2568/2569 (1 เมษายน 2568 – 31 มีนาคม 2569) เศรษฐกิจของเมียนมาจะหดตัวร้อยละ 2.5 (ปรับลดจากรายงานฉบับล่าสุดในเดือน ธันวาคม 2567 ที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของเมียนมาจะเติบโตร้อยละ 2) และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ร้อยละ 31 เนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวและความยากลำบากในการขนส่ง

             (2) ในปีงบประมาณ 2569/2570 (1 เมษายน 2569 – 31 มีนาคม 2570) เศรษฐกิจของเมียนมาจะเติบโตร้อยละ 3 เนื่องจากภาคส่วนสำคัญจะเริ่มฟื้นตัว และภาคธุรกิจจะกลับมาดำเนินการได้เหมือนกับในช่วงก่อนแผ่นดินไหวในช่วงต้นปี 2569