ข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน

ข้อมูลด้านการค้าและการลงทุน

วันที่นำเข้าข้อมูล 29 ก.ค. 2568

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 20 ส.ค. 2568

| 3,138 view

ภาวะเศรษฐกิจของเมียนมาในช่วงปีงบประมาณ 2567/2568 และไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568/2569

    1. การค้าระหว่างประเทศ

      1.1 ภาพรวม มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเมียนมาในช่วงปีงบประมาณ 2566/2567 ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 33,976.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย มูลค่าการส่งออก 16,621.3  ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้า 17,355.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ในภาพรวม เมียนมาขาดดุลการค้า ระหว่างประเทศ มูลค่า734.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงเดือนมกราคม – ธันวาคม 2567 มูลค่าการค้าระหว่างประเทศของเมียนมามีมูลค่า 30,114.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการส่งออกมีมูลค่า 14,639.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้ามีมูลค่า 15,475.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในภาพรวม เมียนมา ขาดดุลการค้า ระหว่างประเทศ มูลค่า 835.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกที่สำคัญของเมียนมา ได้แก่ สินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ สินแร่ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ สินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าประมงและทางทะเล ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญของเมียนมา ได้แก่ สินค้าประเภททุน (capital goods) สินค้าวัตถุดิบ (intermediate goods) วัตถุดิบและอุปกรณ์เพื่อการผลิตสินค้าเครื่องนุ่งห่ม และสินค้าบริโภค (consumer goods) ทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญของเมียนมา 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน ไทย อินเดีย ญี่ปุ่น และเยอรมนี และตลาดนำเข้าที่สำคัญของเมียนมา 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย

     1.2 การค้าระหว่าง เมียนมากับไทย ในเดือน มกราคม- มิถุนายน 2568 มีมูลค่า 130,012 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) โดยเมียนมาส่งออกสินค้าไปไทยมูลค่า 51,810 ล้านบาท (หดตัวร้อยละ 6.75 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) และนำเข้าสินค้าจากไทยมูลค่า 78,202 ล้านบาท (ขยายตัวร้อยละ 5.22 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน) ทั้งนี้ เมียนมา ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นมูลค่า 26,392 ล้านบาท โดยเมียนมาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 19 ของไทย (อันดับที่ 8 ในอาเซียน รองจาก มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) รายละเอียดสินค้าส่งออกและนำเข้าที่สำคัญของ เมียนมา ได้แก่

          1.2.1 สินค้าส่งออกที่สำคัญจากเมียนมาไปยังไทย ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ สินแร่โลหะ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช ผักผลไม้ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ กาแฟและชา ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ไม้ซุงและไม้แปรรูป และลวดและสายเคเบิล

          1.2.2 สินค้าที่เมียนมานำเข้าจากไทยที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร และเม็ดพลาสติก

   2. การลงทุนโดยตรงจาก ต่างประเทศ

       2.1 ภาพรวม ในเดือน เมษายน - มิถุนายน 2568 คณะกรรมการการลงทุนเมียนมา(Myanmar Investment Commission: MIC) ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนเป็นมูลค่า 40.854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  โดยมีรายละเอียด ดังนี้

อันดับ

ประเทศ

มูลค่าการลงทุน (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
เมษายน - มิถุนายน 2568

สัดส่วน  ( %)

1

จีน

13.469

32.97

2

ฮ่องกง

10.701

26.19

3

ไทย

10.589

25.92

4

สิงคโปร์

4.70

11.50

5

เกาหลีใต้

0.50

1.22

6

ญี่ปุ่น

0.50

1.22

7

จีน (ไทเป)

0.395

0.97

 

รวม

40.854

 

 

       2.2 มูลค่าการอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนสะสมตั้งแต่ปี งบประมาณ 2531/2532 จนถึงปัจจุบัน (ณ เดือน มิถุนายน 2568) อยู่ที่ 95,963.023 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ประเทศ ที่เข้ามาลงทุนใน เมียนมา สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์จีน ไทย ฮ่องกง และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เป็นการลงทุนจากดินแดนโพ้นทะเลของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (British Overseas Territories)) ตามลำดับ โดยไทยมีมูลค่าการลงทุนรวม 11,695.417 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ร้อยละ 12.48 ของมูลค่าการอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนใน เมียนมา ทั้งหมด) โดยมีโครงการที่ได้รับอนุมัติจำนวน 159 โครงการ สำหรับมูลค่าการลงทุนจาก ต่างประเทศ ของโครงการที่ยังดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน (ณ เดือน มิถุนายน 2568) อยู่ที่ 75,049.178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย ประเทศ ที่ยังคงลงทุนใน เมียนมา สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไทย ตามลำดับ

    2.3. สาขาอุตสาหกรรมที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในเมียนมาระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2568 รายละเอียด ดังนี้

อันดับ

ประเภทธุกิจ

มูลค่า (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

เมษายน - มิถุนายน 2568

สัดส่วน (%)

1

อุตสาหกรรม
การผลิต

35.765

87.54

2

การบริการ

2.589

6.34

3

ปศุสัตว์และประมง

2.50

6.12

 

รวม

40.854

100

 

       2.4 สาขาอุตสาหกรรมที่นักลงทุนจากต่างประเทศยังดำเนินการอยู่ 5 อันดับแรก (ยอดสะสมตั้งแต่ปี งบประมาณ 2531/2532 จนถึงเดือนมิถุนายน 2568) ได้แก่ พลังงานไฟฟ้า (ร้อยละ 27.94) น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (ร้อยละ 20.50) อุตสาหกรรมการผลิต (ร้อยละ 15.50) คมนาคมและการสื่อสาร (ร้อยละ 15.06) และอสังหาริมทรัพย์ (ร้อยละ 7.19)